Excel ฟังก์ชันทางสถิติ เพื่อสรุปข้อมูล

หลายครั้งที่เราต้องทำงานกับการสรุปผล สรุปข้อมูลเชิงสถิติ ด้วย Microsoft Excel การไม่ทราบสูตรคำนวณ ก็อาจจะทำให้การทำงานนั้นใช้เวลามาก และ ไม่ได้ประสิทธิภาพ ซึ่ง Microsoft Excel มีฟังก์ชันในการทำงานกับสถิติหลายฟังก์ชัน โดยในบทความนี้จะนำเสนอข้อมูลในการสรุปทางสถิติระดับต้น ที่ใช้งานบ่อย ๆ มาให้ได้รู้จักและลองเรียนรู้กัน
Excel ฟังก์ชันทางสถิติ เพื่อสรุปข้อมูล
ทักษะ (ระบุได้หลายทักษะ)

Excel ฟังก์ชันทางสถิติ เพื่อสรุปข้อมูล

หลายครั้งที่เราต้องทำงานกับการสรุปผล สรุปข้อมูลเชิงสถิติ ด้วย Microsoft Excel การไม่ทราบสูตรคำนวณ ก็อาจจะทำให้การทำงานนั้นใช้เวลามาก และ ไม่ได้ประสิทธิภาพ ซึ่ง Microsoft Excel มีฟังก์ชันในการทำงานกับสถิติหลายฟังก์ชัน โดยในบทความนี้จะนำเสนอข้อมูลในการสรุปทางสถิติระดับต้น ที่ใช้งานบ่อย ๆ มาให้ได้รู้จักและลองเรียนรู้กัน

ฟังก์ชัน SUM

ฟังก์ชัน SUM ใช้สำหรับหาผลรวมของข้อมูล หรือสามารถเพิ่มตัวเลข ตรง ๆ เข้าไปได้ หรือ อ้างอิง Cell ที่มีค่าผลรวมอยู่ โดยที่ฟังก์ชัน SUM นั้นจะไม่รวมข้อมูลที่เป็นอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ตัวเลข เช่น
=SUM(B2:C2) ผลลัพธ์ที่ได้จะได้ 255.95 ตามตัวอย่างจะไม่เกินกรณี Error แต่ถ้าหากเราใช้วิธีการหาผลรวมแบบปกติ เช่น Cell B2+C2 ตามตัวอย่างผลลัพธ์ที่ได้จะแสดง Error

รูปแบบการใช้งาน

=SUM(number1,[number2],...)
number1 คือ ตัวเลขที่คุณต้องการหาผลรวมจะใช้ อ้างอิง Cell , ระบุตัวเลขโดยตรง, หรือช่วง Cell
[number2]  คือ ถ้ามีเครื่องหมาย [] นี้อยู่แสดงว่าค่าตัวแปรนี้ระบุหรือระบุก็ได้ หากระบุก็เช่นเดียวกับ number1 โดยสามารถระบุได้มากถึง 255 ตัวแปร
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน SUM ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน AVERAGE

ฟังก์ชัน AVERAGE ใช้สำหรับการหาค่าเฉลี่ยของตัวเลข, กลุ่มตัวเลข โดยเป็นอีกฟังก์ชันที่เราใช้กันบ่อย ๆ เพื่อหาค่าเฉลี่ย นับเป็นฟังก์ชันที่เราใช้หาค่าทางสถิติของข้อมูลที่มีประโยชน์มาก ๆ

รูปแบบการใช้งาน

=AVERAGE(number1,[number2],...)
number1 คือ ตัวเลขที่คุณต้องการหาผลรวมจะใช้ อ้างอิง Cell , ระบุตัวเลขโดยตรง, หรือช่วง Cell
[number2]  คือ ตัวเลขนี้จะมีเพิ่มหรือไม่มีเพิ่มก็ได้ สังเกตจากเครื่องหมาย [] แปลว่าไม่ระบุก็ได้
คือ ตัวเลขถัดไปจาก number2 และสามารถระบุได้สูงสุด 255 โดยคั่นด้วยเครื่องหมาย ,
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน AVERAGE ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน COUNT

ฟังก์ชัน COUNT ใช้สำหรับนับจำนวนข้อมูลที่เป็นตัวเลขโดยกำหนดช่วงของข้อมูลที่ต้องการ หากใช้นับที่ตัวอักษรจะไม่สามารถนับได้

รูปแบบการใช้งาน

=COUNT(value1,[value2],...)
value1 คือ ข้อมูลชนิดตัวเลขที่เราต้องการตรวจสอบนับจำนวนข้อมูลที่เป็นตัวเลขเท่านั้น
[value2] คือ ข้อมูลชนิดตัวเลขเพิ่มเติมจะระบุหรือไม่ระบุก็ได้กรณีมีข้อมูลนับเพิ่ม
... คือ ข้อมูลชนิดตัวเลขระบุเพิ่มเติมหากมี
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน COUNT ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน COUNTA

ฟังก์ชัน COUNTA ใช้สำหรับนับจำนวนข้อมูลว่าในช่วง Cell ดังกล่าวนั้นมีข้อมูลหรือไม่ โดยหากไม่มีข้อมูลก็จะไม่นับ ดังนั้นจะนับทั้งข้อมูลที่เป็นทั้งตัวเลข และ ข้อความ ทั้งหมด

รูปแบบการใช้งาน

=COUNTA(value1,[value2],...)
value1 คือ ข้อมูลชนิดใดก็ได้ที่เราต้องการนับจำนวนข้อมูล
[value2] คือ ข้อมูลชนิดใดก็ได้ที่เพิ่มเติมจะระบุหรือไม่ระบุก็ได้กรณีมีข้อมูลนับเพิ่ม
... คือ ข้อมูลชนิดใดก็ได้ระบุเพิ่มเติมหากมี
 
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน COUNTA ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน COUNTBLANK

ฟังก์ชัน COUNTBLANK ใช้ค้นหาช่องว่าง ที่ไม่ได้ระบุ หรือใช้เช็คข้อมูลว่าในช่วงดังกล่าวมี Cell ที่ข้อมูลหายไปรึไม่

รูปแบบการใช้งาน

=COUNTBLANK(range)
range คือ ช่วงข้อมูลที่เราต้องการตรวจสอบว่าไม่มีข้อมูลกี่ Cell
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน COUNTBLANK ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน MAX

ฟังก์ชัน MAX คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการหาค่าสูงสุด

รูปแบบการใช้งาน

=MAX(number1,[number2],...)
number1 คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการหาค่าสูงสุด
[number2] คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการเปรียบเทียบเพิ่มเติมระบุหรือไม่ระบุก็ได้
... คือ ช่วงข้อมูลเพิ่มเติมระบุหรือไม่ระบุก็ได้
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน MAX ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน MIN

ฟังก์ชัน MIN ใช้สำหรับหาค่าที่น้อยที่สุด โดยระบุกลุ่มหรือช่วง Cell ตัวเลขที่ต้องการตรวจสอบ

รูปแบบการใช้งาน

=MIN(number1,[number2],...)
number1 คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการหาน้อยที่สุด
[number2] คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการเปรียบเทียบเพิ่มเติมระบุหรือไม่ระบุก็ได้
... คือ ช่วงข้อมูลเพิ่มเติมระบุหรือไม่ระบุก็ได้
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน MIN ของ Excel

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

ฟังก์ชัน LARGE

ฟังก์ชัน LARGE ใช้สำหรับหาค่ามากที่สุดตามลำดับที่ต้องการ เช่น หาราคาสูงสุดลำดับที่ 4  เป็นต้น

รูปแบบการใช้งาน

=LARGE(array,k)
array คือ ช่วงข้อมูลที่เราต้องการหาลำดับที่มากที่สุด
k คือ ระบุลำดับ (ตัวเลข) หรือปอ้างอิง Cell ที่เป็นตัวเลขที่ต้องการ 
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน LARGE ของ Excel

ข้อควรระวัง

  • ช่วงข้อมูล (array) หากเป็นช่วงข้อมูลที่เป็น Cell ว่างทั้งหมด สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error #NUM! หรือหากช่วงข้อมูลมี Cell ที่เป็นค่า Error อยู่สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error
  • ตัวเลขลำดับ (k) ไม่ให้น้อยกว่า <= 0 หรือใส่เลขลำดับมากกว่าจำนวนข้อมูลที่มี สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error #NUM!

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

https://www.9experttraining.com/files/excel-text-functions/excel-functions-large.xlsx
 

ฟังก์ชัน SMALL

ฟังก์ชัน SMALL ใช้สำหรับหาค่าน้อยที่สุดตามลำดับที่ต้องการ เช่น หาราคาต่ำสุดในลำดับที่ 2 เป็นต้น
 

รูปแบบการใช้งาน

=SMALL(array,k)
array คือ ช่วงข้อมูลที่เราต้องการหาลำดับที่น้อยที่สุด
k คือ ระบุลำดับ (ตัวเลข) หรืออ้างอิง Cell ที่เป็นตัวเลขที่ต้องการ
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน SMALL ของ Excel

ข้อควรระวัง

  • ช่วงข้อมูล (array) หากเป็นช่วงข้อมูลที่เป็น Cell ว่างทั้งหมด สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error #NUM! หรือหากช่วงข้อมูลมี Cell ที่เป็นค่า Error อยู่สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error
  • ตัวเลขลำดับ (k) ไม่ให้น้อยกว่า <= 0 หรือใส่เลขลำดับมากกว่าจำนวนข้อมูลที่มี สูตรจะแสดงผลลัพธ์ Error #NUM!

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง

https://www.9experttraining.com/files/excel-statistical-functions/excel-functions-small.xlsx
 

ฟังก์ชัน RANK.EQ

ฟังก์ชัน RANK.EQ ใช้สำหรับจัดลำดับข้อมูล
ตัวอย่าง ต้องการหาลำดับราคาสินค้าทั้งหมด 11 รายการ เป็นต้น

รูปแบบการใช้งาน

=RANK.EQ(number,ref,[order])
number คือ ตัวเลขที่ต้องการเปรียบเทียบกับช่วงข้อมูลที่ต้องการ
ref คือ ช่วงข้อมูลที่ต้องการเปรียบเทียบลำดับ
order คือ การจัดเรียงข้อมูลของเรา เช่น มากไปน้อยหรือน้อยไปมาก
ตัวอย่างการใช้งานฟังก์ชัน RANK.EQ ของ Excel

ข้อควรระวัง

  • ตัวเลขที่ต้องการเปรียบเทียบ (number) ห้ามเป็นว่างหรือเป็นตัวเลขที่ไม่มีอยู่ในช่วงข้อมูลเปรียบเทียบ (ref) ไม่เช่นนั้นสูตรแสดงผลลัพธ์ Error #N/A
  • หากมีเลขที่ซ้ำกัน ลำดับจะถือว่าให้เท่ากัน แล้วจะข้ามลำดับนั้นไป ยกตัวอย่างมีเลขซ้ำกัน 2 ค่าที่ลำดับที่ 7 ลำดับที่ 8 ก็จะหายไป ถัดไปเป็นลำดับที่ 9 ทันที
  • หากข้อมูลของเรามีการเพิ่มเติมตลอดเวลาแนะนำให้เลือกทั้ง columns
  • หากข้อมูลของเราไม่ได้มีการเพิ่มข้อมูลตลอดเวลาให้ทำการใช้ $ lock cell ไม่ให้ขยับ เพราะไม่งั้นข้อมูลที่เราเปรียบเทียบลำดับที่ได้จะไม่ถูกต้อง

ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่าง


แนะนำหลักสูตร Microsoft Excel ของ 9Expert Training

********************************************************************
อบรมแบบ Online ด้าน Microsoft Excel