API คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรในธุรกิจ

API คืออะไร?
ซอฟต์แวร์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยและเป็นระบบ
API เปรียบเสมือน "สะพาน" เชื่อมระหว่างโปรแกรมหรือระบบที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถสื่อสารและส่งข้อมูลถึงกันได้ ตัวอย่างง่ายๆ เช่น
- การใช้แอปพลิเคชันสั่งอาหาร API ช่วยให้แอปเชื่อมต่อกับระบบร้านอาหารและระบบชำระเงินอัตโนมัติ
- การล็อกอินผ่าน Facebook หรือ Google เป็นการใช้ API เพื่อดึงข้อมูลโปรไฟล์มาใช้โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลใหม่
- Power Automate สามารถควบคุม SaaS ได้มากมายผ่าน API หรือ Microsoft Graph ที่เป็น API ของ Service ใน M365
ในเชิงเทคนิค API จะมี "คำขอ" (Request) และ "คำตอบ" (Response) ที่สื่อสารกันผ่าน HTTP หรือ Web Service เช่น REST API g
ประโยชน์หลักของการใช้ API
1. เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (Efficiency Improvement)
- API ช่วยลดงานที่ต้องทำด้วยมือโดยอัตโนมัติ เช่น การนำเข้าหรือส่งออกข้อมูลระหว่างระบบ
- ทำให้สามารถลดต้นทุนด้านเวลาและแรงงาน เช่น การดึงข้อมูลระหว่างระบบ โดยไม่ต้องป้อนข้อมูลซ้ำอีกต่อไป
2. เชื่อมต่อระบบต่าง ๆ ได้ง่าย (Seamless Integration)
- องค์กรสามารถเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ภายในและบริการจากภายนอก เช่น การใช้ API ของ Payment Gateway (Stripe, PayPal) ในระบบอีคอมเมิร์ซ
- ช่วยให้ระบบต่าง ๆ สื่อสารกันได้แม้อยู่บนแพลตฟอร์มที่แตกต่างกัน เช่น ERP, CRM, HRM และ BI Tools
3. ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า (Enhanced Customer Experience)
- API สามารถดึงข้อมูลจากระบบ CRM มาแสดงผลในแพลตฟอร์มของลูกค้าแบบเรียลไทม์
- ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เช่น ระบบแชทบอทที่ดึงข้อมูลจากฐานข้อมูลลูกค้าเพื่อให้บริการอัตโนมัติ เช่นการใช้ Copilot Studio เพื่อเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ผ่าน API
4. รองรับการเติบโตของธุรกิจ (Scalability)
- ช่วยให้ธุรกิจสามารถขยายระบบโดยไม่ต้องพัฒนาทุกอย่างขึ้นใหม่ เช่น การใช้ API ของคลาวด์ (AWS, Azure) เพื่อรองรับปริมาณผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้น
- สนับสนุนการปรับเปลี่ยนระบบตามความต้องการของตลาดโดยไม่ต้องรื้อโครงสร้างใหม่
5. สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (New Business Opportunities)
- API ช่วยให้ธุรกิจสามารถเปิดบริการหรือสร้างแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ได้โดยสามารถเลือก API ที่มีผู้พัฒนา เราไม่ต้องพัฒนาเองทั้งหมด
- สนับสนุนโมเดลธุรกิจแบบ Platform Economy เช่น Uber, Grab, และ Airbnb ที่ใช้ API เพื่อให้ผู้ใช้และพาร์ทเนอร์สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบได้
6. ปรับปรุงความปลอดภัยของข้อมูล (Security & Compliance)
- API สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลได้ ทำให้ควบคุมการใช้งานได้ดีกว่า
- ช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น OAuth, JWT, และ API Gateway ที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
7. ลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและบำรุงรักษา (Cost Reduction)
- ใช้ API จากผู้ให้บริการภายนอกแทนการพัฒนาระบบใหม่ เช่น การใช้ Google Maps API แทนการพัฒนาระบบแผนที่เอง
- ลดภาระของทีมพัฒนาในการสร้างฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้ว เช่น ระบบยืนยันตัวตนผ่าน API ของ Facebook, Google, และ Microsoft
8. รองรับการทำงานแบบอัตโนมัติ (Automation & AI Integration)
- API ช่วยให้สามารถเชื่อมต่อกับ AI และ Machine Learning ได้ เช่น การใช้ OpenAI API เพื่อสร้างแชทบอทอัจฉริยะ
- รองรับการทำ RPA (Robotic Process Automation) เพื่อให้ระบบสามารถทำงานซ้ำ ๆ ได้โดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการเชื่อมต่อ API อัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทย
นำเสนอวิธีดึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่าง ๆ 48 สกุล อัพเดตอัตโนมัติทุกวัน แปลงเป็นเงินบาท ผ่าน API ของของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยการเขียนโค้ดภาษา C# แบบ .NET Core
ดึงอัตราแลกเปลี่ยนธนาคารแห่งประเทศไทยอัตโนมัติผ่าน API ด้วย .NET Core
การพัฒนา API
เราสามารถพัฒนา API ได้ด้วยเทคโนโลยี .NET, Python หรือภาษาต่าง ๆ เพื่อที่จะให้บริการ SaaS ได้ ซึ่งหากใครต้องการพัฒนาทาง 9Expert Training มีหลักสูตรพร้อม Workshop เข้มข้นที่จะมาเรียนรู้ การทำ API
ASP.NET Core Web API & Security
หลักสูตรนี้จะสอนตั้งแต่แนวคิดในการออกแบบการพัฒนาจนถึงการนำไปใช้กับแอปพลิเคชันแบบต่าง ๆ
https://www.9experttraining.com/asp-core-web-api-training-course
ดูหลักสูตรสาย DEVELOP ทั้งหมดได้ที่ https://www.9experttraining.com/programming-all-courses